แขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot) ชนิดใดบ้างที่นิยมในวงการอุตสาหกรรม

       à¸ªà¸³à¸«à¸£à¸±à¸šà¹ƒà¸™à¸¢à¸¸à¸„ปัจจุบันแขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับวงการอุตสาหกรรมในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากแขนกลหุ่นยนต์เป็นเครื่องจักรที่ถูกออกแบบควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติโดยการเขียนโปรแกรมให้เคลื่อนที่ได้อย่างน้อย 3 แกนหรือมากกว่า ซึ่งแขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot) สามารถออกแบบให้ยึดอยู่กับที่หรือย้ายตำแหน่งไปมาได้ตามความเหมาะสมของประเภทงานที่จะใช้ในงานอุตสาหกรรมนั้นๆ โดยการแบ่งชนิดของหุ่นยนต์จะแบ่งตามลักษณะรูปทรงของพื้นที่ทำงาน (Envelope Geometric) ของจุดต่อ (Joint) ของหุ่นยนต์สามารถแบ่งได้ 2 แบบ ดังนี้ 1. ชนิด Revolute (R) เป็นการหมุนรอบแกน (Rotary) 2.Prismatic (P) เป็นการเคลื่อนที่เชิงเส้น (Linear motion) และเมื่อนำจุดต่อของหุ่นยนต์ทั้งสองแบบมาต่อเข้าด้วยกันอย่างน้อย 3 แกนหลักจะได้พื้นที่ทำงาน ( Work envelope) ที่มีลักษณะแตกต่างกันไปก็จะได้ประเภทแขนกลหุ่นยนต์ต่างๆ ใช้ในวงการอุตสาหกรรม

 

แขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot)

 

 

ประเภทของแขนกลหุ่นยนต์ที่นิยมใช้ในวงการอุตสาหกรรม ได้แก่


1. Cartesian (Gantry) Robot แกนทั้ง 3 ของแขนกลหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่เป็นแบบเชิงเส้น (Prismatic) ถ้าโครงสร้างมีลักษณะคล้าย Overhead Crane จะเรียกว่าเป็นหุ่นยนต์ชนิด Gantry แต่ถ้าหุ่นยนต์ไม่มีขาตั้งหรือขาเป็นแบบอื่น เรียกว่า ชนิด Cartesian

ข้อดี

1. เคลื่อนที่เป็นแนวเส้นตรงทั้ง 3 มิติ
2. การเคลื่อนที่สามารถทำความเข้าใจง่าย
3. มีส่วนประกอบง่ายๆ
4. โครงสร้างแข็งแรงตลอดการเคลื่อนที่


ข้อเสีย

1. ต้องการพื้นที่ติดตั้งมาก
2. บริเวณที่หุ่นยนต์เข้าไปทำงานได้ จะเล็กกว่าขนาดของตัวหุ่นยนต์
3. ไม่สามารถเข้าถึงวัตถุจากทิศทางข้างใต้ได้
4. แกนแบบเชิงเส้นจะ Seal เพื่อป้องกันฝุ่นและของเหลวได้ยาก


การประยุกต์ใช้งาน

เนื่องจากโครงสร้างมีความแข็งแรงตลอดแนวการเคลื่อนที่ ดังนั้นจึงเหมาะกับงานเคลื่อนย้ายของหนักๆ หรือเรียกว่างาน Pick-and-Place เช่น ใช้โหลดชิ้นงานเข้าเครื่องจักร (Machine loading) ใช้จัดเก็บชิ้นงาน (Stacking) นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในงานประกอบ (Assembly) ที่ไม่ต้องการเข้าถึงในลักษณะที่มีมุมหมุน เช่น ประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และงาน Test ต่างๆ

2. Cylindrical Robot หุ่นยนต์ประเภทนี้จะมีแกนที่ 2 (ไหล่) และแกนที่ 3 (ข้อศอก) เป็นแบบ Prismatic ส่วนแกนที่ 1 (เอว) จะเป็นแบบหมุน (Revolute) ทำให้การเคลื่อนที่ได้พื้นที่การทำงานเป็นรูปทรงกระบอก

 à¸‚้อดี

1. มีส่วนประกอบไม่ซับซ้อน
2. การเคลื่อนที่สามารถเข้าใจได้ง่าย
3. สามารถเข้าถึงเครื่องจักรที่มีการเปิด – ปิด หรือเข้าไปในบริเวณที่เป็นช่องหรือโพรงได้ง่าย (Loading) เช่น การโหลดชิ้นงานเข้าเครื่อง CNC


ข้อเสีย

1. มีพื้นที่ทำงานจำกัด
2. แกนที่เป็นเชิงเส้นมีความยุ่งยากในการ Seal เพื่อป้องกันฝุ่นและของเหลว


การประยุกต์ใช้งาน

โดยทั่วไปจะใช้ในการหยิบยกชิ้นงาน (Pick-and-Place) หรือป้อนชิ้นงานเข้าเครื่องจักร เพราะสามารถเคลื่อนที่เข้าออกบริเวณที่เป็นช่องโพรงเล็กๆ ได้สะดวก

3. Spherical Robot (Polar) มีสองแกนที่เคลื่อนในลักษณะการหมุน (Revolute Joint) คือแกนที่ 1 (เอว) และแกนที่ 2 (ไหล่) ส่วนแกนที่ 3 (ข้อศอก) จะเป็นลักษณะของการเคลื่อนที่แนวเส้นตรง 

ข้อดี

1. มีปริมาตรการทำงานมากขึ้นเนื่องจากการหมุนของแกนที่ 2 (ไหล่)
2. สามารถที่จะก้มลงมาจับชิ้นงานบนพื้นได้สะดวก


ข้อเสีย

1. มีระบบพิกัด (Coordinate) และส่วนประกอบ ที่ซับซ้อน
2. การเคลื่อนที่และระบบควบคุมมีความซับซ้อนขึ้น


การประยุกต์ใช้งาน

ใช้ในงานที่มีการเคลื่อนที่ในแนวตั้ง (Vertical) เพียงเล็กน้อย เช่น การโหลดชิ้นงานเข้าออกจากเครื่องปั้ม (Press) หรืออาจจะใช้งานเชื่อมจุด (Spot Welding)

 

 à¹à¸‚นกลหุ่นยนต์


4. SCARA Robot จะมีลักษณะแกนที่ 1 (เอว) และแกนที่ 3 (ข้อศอก) หมุนรอบแกนแนวตั้ง และแกนที่ 2 จะเป็นลักษณะการเคลื่อนที่ขึ้นลง (Prismatic) ซึ่งหุ่นยนต์ SCARA จะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วในแนวระนาบ และมีความแม่นยำสูง

ข้อดี

1. สามารถเคลื่อนที่ในแนวระนาบ และขึ้นลงได้รวดเร็ว
2. มีความแม่นยำสูง


ข้อเสีย

1. มีพื้นที่ทำงานจำกัด
2. ไม่สามารถหมุน (rotation)ในลักษณะมุมต่างๆได้
3. สามารถยกน้ำหนัก (Payload) ได้ไม่มากนัก


การประยุกต์ใช้งาน

เนื่องจากการเคลื่อนที่ในแนวระนาบและขึ้นลงได้รวดเร็วจึงเหมาะกับงานประกอบชิ้นส่วนทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งต้องการความรวดเร็วและการเคลื่อนที่ก็ไม่ต้องการการหมุนมากนัก แต่จะไม่เหมาะกับงานประกอบชิ้นส่วนทางกล (Mechanical Part) ซึ่งส่วนใหญ่การประกอบจะอาศัยการหมุน (Rotation)ในลักษณะมุมต่างๆ นอกจากนี้ SCARA Robot ยังเหมาะกับงานตรวจสอบ (Inspection) งานบรรจุภัณฑ์ (Packaging)

5. Articulated Arm ทุกแกนการเคลื่อนที่จะเป็นแบบหมุน (Revolute) รูปแบบการเคลื่อนที่จะคล้ายกับแขนคน ซึ่งจะประกอบด้วยช่วงเอว ท่อนแขนบน ท่อนแขนล่าง ข้อมือ การเคลื่อนที่ทำให้ได้พื้นที่การทำงาน 

ข้อดี

1. เนื่องจากทุกแกนจะเคลื่อนที่ในลักษณะ ของการหมุนทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการเข้าไปยังจุดต่างๆ
2. บริเวณข้อต่อ (Joint) สามารถ Seal เครื่องตรวจสอบและทดสอบชิ้นงาน เพื่อป้องกันฝุ่น ความชื้น หรือน้ำ ได้ง่าย
3. มีพื้นที่การทำงานมาก
4. สามารถเข้าถึงชิ้นงานทั้งจากด้านบน ด้านล่าง
5. เหมาะกับการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นชุดขับเคลื่อน


ข้อเสีย

1. มีระบบพิกัด (Coordinate) ที่ซับซ้อน
2. การเคลื่อนที่และระบบควบคุมทำความ เข้าใจได้ยากขึ้น
3. ควบคุมให้เคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง (Linear) ได้ยาก
4.โครงสร้างไม่มั่นคงตลอดช่วงการเคลื่อนที่ เพราะบริเวณขอบ Work Envelope ปลายแขนจะ
5. มีการสั่น ทำให้ความแม่ยำลดลง


การประยุกต์ใช้งาน

หุ่นยนต์ชนิดนี้สามารถใช้งานได้กว้างขวางเพราะสามารถเข้าถึงตำแหน่งต่างๆ ได้ดี เช่น งานเชื่อม Spot Welding, Path Welding, งานยกของ, งานตัด, งานทากาว, งานที่มีการเคลื่อนที่ยากๆ เช่น งานพ่นสี งาน Sealing ฯลฯ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า Industrial Robot นั้นมีหลากหลายประเภท แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่หุ่นยนต์อุตสาหกรรมมีประโยชน์เหมือนกัน คือ สามารถช่วยทุ่นแรงในการทำงานต่าง ๆ แทนมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เช่น งานยกสินค้าจากสายงานการผลิต งานประกอบ งานเชื่อม งานตัด เป็นต้น

 

บริษัท ไอ.เอ็ม.อี. รีโวลูชั่น จำกัด


       à¸šà¸£à¸´à¸©à¸±à¸— ไอ.เอ็ม.อี. รีโวลูชั่น จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตเครื่องจักรระบบอัตโนมัติที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร เช่น เครื่องประกอบชิ้นงาน แขนกลหุ่นยนต์ เครื่องจักรระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์หยิบจับชิ้นงาน รถขนถ่ายวัสดุอัตโนมัติ เครื่องตรวจสอบและทดสอบชิ้นงาน เครื่องประกอบชิ้นงาน เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทฯ รับออกแบบและผลิตเครื่องจักรระบบอัตโนมัติทุกชนิด โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ช่วยลูกค้าตัดสินในเรื่องการลงทุน ด้านออโตเมชั้น การติดตั้ง การฝึกอบรมการใช้งาน รวมถึงการดูแลรักษาซ่อมบำรุง มีอะไหล่ให้เปลี่ยนตามอายุการใช้งาน
---------------------------------------------------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง
มาทำความรู้จัก บริษัท ไอ.เอ็ม.อี. รีโวลูชั่น จำกัด
รถขนถ่ายวัสดุอัตโนมัติ สุดยอดตัวช่วยสำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
ตอบโจทย์การประกอบชิ้นงานสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วย “เครื่องประกอบชิ้นงาน” เทคโนโลยีสุดล้ำ 

 

____________________________________________________

 

สนใจชมข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Marketplace

 

www.brandexdirectory.com
เว็บไซต์รวมสินค้าอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศไทย

 

www.pagesthai.com
เว็บไซต์รวมรายชื่อโรงงานผลิต ซับคอนแทรค และบริการ

 

www.Brand.co.th
เว็บรวมสินค้าแบรนด์และผู้ผลิตสินค้าแบรนด์

 

www.eeczone.com
เว็บรวมรายชื่อผู้ประกอบการภาคตะวันออก

เครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้า และเครื่องทำน้ำร้อนแบบใช้แก๊ส เเตกต่างกันอย่างไร?

เครื่องทำน้ำร้อน มักถูกใช้ประโยชน์ตั้งแต่ที่อยู่อาศัยทั่วไป สถานประกอบการ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล รีสอร์ต จนถึงโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ๆ บางประเภท ซึ่งในปัจจุบัน เครื่องทำน้ำร้อนได้พัฒนามาเป็นชนิดแบบใช้ไฟฟ้า และแบบใช้แก๊ส ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีข้อดีและข้อจำกัดบางอย่างแตกต่างกันออกไป ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรเลือกเครื่องทำน้ำร้อนให้เหมาะสมกับประเภทธุรกิจของตัวเอง

 

 

เครื่องทำน้ำร้อนระบบแก๊ส à¸„ืออะไร


เครื่องทำน้ำร้อน
เครื่องทำน้ำร้อนชนิดแก๊ส มีการใช้ตามอาคารบ้านเรือนทั่วไป โรงพยาบาล โรงแรม คอนโดมิเนียม หรือในงานอุตสาหกรรมบางแห่ง มีจุดเด่น คือ อุณหภูมิน้ำร้อนสามารถควบคุมได้ รูปลักษณ์ของตัวเครื่องกระทัดรัด มีต้นทุนต่ำ ประหยัดพลังงานได้ถึง 60% เมื่อเทียบกับระบบไฟฟ้า ซึ่งเครื่องทำน้ำร้อนชนิดนี้ ได้มีการออกเเบบระบบความปลอดภัยและการระบายไอเสียไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน แต่ก็มีข้อจำกัด คือ การติดตั้งมีความซับซ้อน และผู้ใช้บางคนอาจจะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยขณะใช้งาน

 

 

เครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้า คืออะไร


เครื่องทำน้ำร้อนเครื่องทำน้ำร้อนแบบใช้ไฟฟ้า ก็มักนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือตัวอาคารขนาดใหญ่ ซึ่งได้แบ่งประเภทเป็นระบบแบบหม้อต้ม และแบบผ่านร้อน

 


  • แบบผ่านร้อน มีข้อดี คือ ติดตั้งง่าย ราคาไม่แพง ใช้งานง่าย ตัวเครื่องถูกออกแบบมาในลักษณะใช้ตัวกำเนิดความร้อนโดยตรง มีหลักการทำงาน คือน้ำเย็นจะไหลผ่านท่อทองแดงที่ขดมาตัวไปมาในตัวเครื่องที่เส้นผ่านศูนย์กลางที่ร้อน แต่ท่อน้ำอาจไม่ใหญ่มาก จึงมีโอกาสที่น้ำไหลไม่สม่ำเสมอ

  • แบบหม้อต้ม มีถังน้ำร้อนเก็บน้ำร้อนเพื่อรักษาคุณหภูมิความร้อนคงที่ไว้ได้ตลอดเวลา ทำให้น้ำไหลแรงและพร้อมใช้งาน มีระบบก๊อกผสมผสมน้ำร้อนน้ำเย็นกรณีเพื่อปรับอุณหภูมิน้ำ แต่เครื่องทำน้ำร้อนแบบใช้ไฟฟ้านี้ก็จะมีราคาแพงกว่าแบบผ่านร้อน

  •  

 

โดยสรุปเเล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทำน้ำร้อนเเบบใช้ไฟฟ้าหรือเเบบใช้เเก๊ส ก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับประเภทสถานที่ที่ติดตั้งหรือการใช้งานเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด เพราะเครื่องทำน้ำร้อนสองประเภทนี้ก็มีข้อดีที่เเตกต่างกันตามข้อมูลที่ปรากฎข้างต้น ซึ่งรวมไปถึงลักษณะการติดตั้งที่เเตกต่างกัน เช่น ถ้าหากติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนเเบบเเก๊สก็อาจจะมีขั้นตอนยุ่งยากเล็กน้อยกว่าเเบบไฟฟ้าเพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย เเต่มีข้อดีคือ มีราคาไม่เเพง จึงมีการนำไปติดตั้งตามสถานที่ต่างๆ มากกว่าที่อยู่อาศัยทั่วไปเพราะประหยัดต้นทุน

ส่วนเครื่องทำน้ำร้อนเเบบใช้ไฟฟ้า หากมีการติดตั้งก็ต้องเตรียมท่อน้ำเอาไว้ เพราะเครื่องทำน้ำร้อนประเภทนี้ ทำงานด้วยการเดินน้ำ 2 ท่อ ซึ่งเเบ่งเป็นท่อที่เข้าเครื่องทำน้ำร้อนท่อหนึ่งและท่อน้ำอุณหภูมิปกติเชื่อมกันมาจนถึงที่ก๊อกผสม เครื่องทำน้ำร้อน ซึ่งหากเราใช้งาน น้ำร้อนเเละน้ำอุณหภูมิปกติจากท่อทั้งสองก็จะไหลผ่านก็อกผสมนั่นเอง

ดังนั้น เราจึงมักเห็นหัวก็อกสองหัวที่สามารถปรับระดับความร้อนหรือเย็นได้ เเต่ถ้าเป็นในเรื่องค่าใช้จ่าย เครื่องทำน้ำร้อนเเบบใช้ไฟฟ้าจะมีต้นทุนสูงกว่า เพราะกินไฟมากกว่า เนื่องจากบางเครื่องก็ใช้พลังงานมากกว่าหนึ่งหมื่นวัตต์เลยทีเดียว เเละที่สำคัญ ต้องระวังอันตรายจากไฟรั่ว หรือการติดตั้งโดยปราศจากการต่อสายดิน

จะเห็นได้ว่าเครื่องทำน้ำร้อนมีหลายประเภทตามการใช้งานตั้งเเต่บ้านพักอาศัยทั่วไป ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่ง บริษัท บุญเยี่ยมและสหาย จำกัด เรา คือ ตัวแทนจำหน่ายเครื่องทำน้ำร้อนอุตสาหกรรม หม้อต้มน้ำร้อน ภายใต้แบรนด์ A.O. SMITH ที่ได้รับมาตรฐานสากล คุณภาพดี ปลอดภัย โดยเป็นเครื่องทำน้ำร้อนอุตสาหกรรม หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หม้อต้มน้ำร้อน เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านพักอาศัย โรงแรม คลับเฮ้าส์ และอื่นๆ พร้อมให้คำปรึกษาระบบน้ำร้อนและงานติดตั้งเครื่องทำนำร้อนทุกรูปแบบอย่างมืออาชีพ

 

-------------------------------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ทำความรู้จักกับบอยเลอร์ หม้อไอน้ำที่ใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
- รู้หรือไม่ หัวพ่นไฟใช้แก๊สในอุตสาหกรรมมีกี่ชนิด
- ที่หนึ่งด้านอุตสาหกรรมบอยเลอร์ต้อง บุญเยี่ยมและสหาย

เครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้า และเครื่องทำน้ำร้อนแบบใช้แก๊ส เเตกต่างกันอย่างไร?

เครื่องทำน้ำร้อน มักถูกใช้ประโยชน์ตั้งแต่ที่อยู่อาศัยทั่วไป สถานประกอบการ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล รีสอร์ต จนถึงโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ๆ บางประเภท ซึ่งในปัจจุบัน เครื่องทำน้ำร้อนได้พัฒนามาเป็นชนิดแบบใช้ไฟฟ้า และแบบใช้แก๊ส ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีข้อดีและข้อจำกัดบางอย่างแตกต่างกันออกไป ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรเลือกเครื่องทำน้ำร้อนให้เหมาะสมกับประเภทธุรกิจของตัวเอง

 

 

เครื่องทำน้ำร้อนระบบแก๊ส à¸„ืออะไร


เครื่องทำน้ำร้อน
เครื่องทำน้ำร้อนชนิดแก๊ส มีการใช้ตามอาคารบ้านเรือนทั่วไป โรงพยาบาล โรงแรม คอนโดมิเนียม หรือในงานอุตสาหกรรมบางแห่ง มีจุดเด่น คือ อุณหภูมิน้ำร้อนสามารถควบคุมได้ รูปลักษณ์ของตัวเครื่องกระทัดรัด มีต้นทุนต่ำ ประหยัดพลังงานได้ถึง 60% เมื่อเทียบกับระบบไฟฟ้า ซึ่งเครื่องทำน้ำร้อนชนิดนี้ ได้มีการออกเเบบระบบความปลอดภัยและการระบายไอเสียไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน แต่ก็มีข้อจำกัด คือ การติดตั้งมีความซับซ้อน และผู้ใช้บางคนอาจจะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยขณะใช้งาน

 

 

เครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้า คืออะไร


เครื่องทำน้ำร้อนเครื่องทำน้ำร้อนแบบใช้ไฟฟ้า ก็มักนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือตัวอาคารขนาดใหญ่ ซึ่งได้แบ่งประเภทเป็นระบบแบบหม้อต้ม และแบบผ่านร้อน

 


  • แบบผ่านร้อน มีข้อดี คือ ติดตั้งง่าย ราคาไม่แพง ใช้งานง่าย ตัวเครื่องถูกออกแบบมาในลักษณะใช้ตัวกำเนิดความร้อนโดยตรง มีหลักการทำงาน คือน้ำเย็นจะไหลผ่านท่อทองแดงที่ขดมาตัวไปมาในตัวเครื่องที่เส้นผ่านศูนย์กลางที่ร้อน แต่ท่อน้ำอาจไม่ใหญ่มาก จึงมีโอกาสที่น้ำไหลไม่สม่ำเสมอ

  • แบบหม้อต้ม มีถังน้ำร้อนเก็บน้ำร้อนเพื่อรักษาคุณหภูมิความร้อนคงที่ไว้ได้ตลอดเวลา ทำให้น้ำไหลแรงและพร้อมใช้งาน มีระบบก๊อกผสมผสมน้ำร้อนน้ำเย็นกรณีเพื่อปรับอุณหภูมิน้ำ แต่เครื่องทำน้ำร้อนแบบใช้ไฟฟ้านี้ก็จะมีราคาแพงกว่าแบบผ่านร้อน

  •  

 

โดยสรุปเเล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทำน้ำร้อนเเบบใช้ไฟฟ้าหรือเเบบใช้เเก๊ส ก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับประเภทสถานที่ที่ติดตั้งหรือการใช้งานเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด เพราะเครื่องทำน้ำร้อนสองประเภทนี้ก็มีข้อดีที่เเตกต่างกันตามข้อมูลที่ปรากฎข้างต้น ซึ่งรวมไปถึงลักษณะการติดตั้งที่เเตกต่างกัน เช่น ถ้าหากติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนเเบบเเก๊สก็อาจจะมีขั้นตอนยุ่งยากเล็กน้อยกว่าเเบบไฟฟ้าเพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย เเต่มีข้อดีคือ มีราคาไม่เเพง จึงมีการนำไปติดตั้งตามสถานที่ต่างๆ มากกว่าที่อยู่อาศัยทั่วไปเพราะประหยัดต้นทุน

ส่วนเครื่องทำน้ำร้อนเเบบใช้ไฟฟ้า หากมีการติดตั้งก็ต้องเตรียมท่อน้ำเอาไว้ เพราะเครื่องทำน้ำร้อนประเภทนี้ ทำงานด้วยการเดินน้ำ 2 ท่อ ซึ่งเเบ่งเป็นท่อที่เข้าเครื่องทำน้ำร้อนท่อหนึ่งและท่อน้ำอุณหภูมิปกติเชื่อมกันมาจนถึงที่ก๊อกผสม ซึ่งหากเราใช้งาน น้ำร้อนเเละน้ำอุณหภูมิปกติจากท่อทั้งสองก็จะไหลผ่านก็อกผสมนั่นเอง

ดังนั้น เราจึงมักเห็นหัวก็อกสองหัวที่สามารถปรับระดับความร้อนหรือเย็นได้ เเต่ถ้าเป็นในเรื่องค่าใช้จ่าย เครื่องทำน้ำร้อนเเบบใช้ไฟฟ้าจะมีต้นทุนสูงกว่า เพราะกินไฟมากกว่า เนื่องจากบางเครื่องก็ใช้พลังงานมากกว่าหนึ่งหมื่นวัตต์เลยทีเดียว เเละที่สำคัญ ต้องระวังอันตรายจากไฟรั่ว หรือการติดตั้งโดยปราศจากการต่อสายดิน

จะเห็นได้ว่าเครื่องทำน้ำร้อนมีหลายประเภทตามการใช้งานตั้งเเต่บ้านพักอาศัยทั่วไป เครื่องทำน้ำร้อน ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่ง บริษัท บุญเยี่ยมและสหาย จำกัด เรา คือ ตัวแทนจำหน่ายเครื่องทำน้ำร้อนอุตสาหกรรม หม้อต้มน้ำร้อน ภายใต้แบรนด์ A.O. SMITH ที่ได้รับมาตรฐานสากล คุณภาพดี ปลอดภัย โดยเป็นเครื่องทำน้ำร้อนอุตสาหกรรม หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หม้อต้มน้ำร้อน เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านพักอาศัย โรงแรม คลับเฮ้าส์ และอื่นๆ พร้อมให้คำปรึกษาระบบน้ำร้อนและงานติดตั้งเครื่องทำนำร้อนทุกรูปแบบอย่างมืออาชีพ

 

-------------------------------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ทำความรู้จักกับบอยเลอร์ หม้อไอน้ำที่ใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
- รู้หรือไม่ หัวพ่นไฟใช้แก๊สในอุตสาหกรรมมีกี่ชนิด
- ที่หนึ่งด้านอุตสาหกรรมบอยเลอร์ต้อง บุญเยี่ยมและสหาย

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15